ข้อความที่ 2 เมื่อ » 2014-03-02 17:44:21 (IP : , ,171.99.72.59 ,, )
มาเสริม สูตรการหาเส้นรอบวงนะครับ หากไม่ทราบ ให้มองที่ขอบยาง จะมีค่าเลขเอาไว้2 ค่า ครับ
อย่าง ยางที่เราเรียกกันทั่วไป แบบ 24นิ้ว 26นิ้ว ก็จะมีความกว้างของหน้ายางไม่เท่ากันครับ แถมจะมีค่าที่ใช้กับวงล้อต่างกัน
แต่จะสามารถเอามาคำนวน คร่าวๆ จากค่าที่ระบุบนตัวยาง(ค่าISOยาง) ซึ่งจะใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลกครับ โดทยค่าที่เรียกกันทั่วไป
ในตลาด(ตามรูปที่แนบมา) จะเป็นค่าที่อยู่ใน ขีดสีแดงครับ ส่วนค่ามาตรฐานที่เอาไว้คำนวนวงล้อ จะอยู่ ในเส้นสีน้ำเงิน
อยางที่ผมเอามาให้ดู คือ ค่าของยาง26นิ้วหน้ากว้าง1.25ครับ
เรามาเริ่มคำนวนวงล้อกันดีกว่า (สูตรนี้สามารถใช้คำนวนค่าใส่เข็มไมล์จักรยานได้ด้วยนะครับ)
อย่างยางในรูปค่าISO คือ ที่ขีดเส้นสีน้ำเงิน 32 559
ขั้นแรก คำนวนหาความหนาของยาง โดยเอาเลข ISO ชุดแรก(2หลัก)แล้วx2
// 32x2 = 64
ขั้นต่อมา เอาค่าที่ได้จากขั้นแรก มาบวกด้วยเลขISOชุด2(3หลัก) จะได้ค่าเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อครับ
// 64+559 = 623
ขั้นสุดท้าย เอาค่าที่ได้ คูณค่า Pi ก็จะได้วงล้อแล้วครับ(เป็นหน่วยมิลลิเมตรนะครับ)
// 623x3.14 = 1956.22 ครับ
ดังนั้น ตีเป็นเลขกลมๆ ได้ 196 CM ครับ
และหากอยากรู้ความเร็วรถว่าจะได้กี่ KM/H คำนวนต่อดังนี้
ความเร็วรอบ ของมอเตอร์เกียร์ 337 รอบ/นาที ที่เฟือง 14ฟัน
แต่เฟืองเกลียวทั่วๆไปในตลาดล่าง ส่วนใหญ่จะมี6 สปีด เรียงจำนวนฟันดังนี้ 28 - 24 - 21 - 18 - 16 - 14
ดังนั้นอัดตราทดที่เกียร์แต่ละเกียร์มีดังนี้(คำนวนจากเอาจำนวนเฟืองที่มอเตอร์ตั้งหารด้วยจำนวนฟันเฟืองของแต่ละเกียร์)
1=0.50
2=0.58
3=0.67
4=0.78
5=0.88
6=1.00
ดังนั้น ความเร็วรอบที่ล้อในแต่ละเกียร์ มีดังนี้ (เอา337 คูณด้วยค่าอัตราทดของแต่ละเกียร์)
1=168
2=195
3=225
4=263
5=296
6=337
สำหรับรถทีมีเกียร์สวมที่ฟันเล็กสุดถึง11ฟัน จะทำรอบสูงสุดที่เกีร์สุดท้าย คือ 428 รอบต่อนาทีเลยครับ
หากอยากรู้ว่าเร็วเท่าไร่ ให้เอาวงล้อที่ได้ในการคำนวนวงล้อครั้งแรก ว่ากี่CM มาคูณรอบที่วงล้อ
ตัวอย่าง จากยางในรูป คำนวนได้ 196 cm ดังนั้น เราคำนวนค่าในแต่ละเกียร์ตามนี้
:สูตร [(ค่าจำนวนรอบในแต่ละเกียร์xเส้นรอบวงล้อ)/100,000]x60=ความเร็วในแต่ละเกียร์เป็นKm/h
1: 19km/h
2: 22km/h
3: 26km/h
4: 30km/h
5: 34km/h
6: 39km/h
** ตัวอย่างการคำนวนนี้ เป็นการคำนวนที่ได้ค่าตัวเลข อุดมคติ ซึ่งในความเป็นจริง สภาพยาง สภาพถนน ลมยาง ความลาดชัน นั้นหนักของผู้ขับขี่ แรงดันจริงของแบทเตอร์รี่ สภาพของลูกปื่นต่างๆของจักรยาน สภาพโซ่ และการสูญเสียพลังงาน ย่อมมีเกิดขึ้น โดยไม่ได้นำมาคำนวน ดังนั้น ความเร็วที่เกิดขึ้นจริง อาจไม่เป็นไปตามค่าที่คำนวน แต่จะมีความใกล้เคียงจากค่าที่คำนวนครับ
***อัตตราการทดรอบ ยิ่งทดได้ความเร็วเพิ่มขึ้น ย่อมสูญเสียพลังงานเชิงกลและสูญเสียแรงบิดมากขึ้น แต่จะได้จำนวนรอบขึ้นมาแทน